วิถีชีวิตของคนทำงานในสังคมปัจจุบัน ไลฟ์สไตล์การทำงาน ความเร่งรีบ เป้าหมายของความสำเร็จ ทั้งคนมนุษย์เงินเดือน และฟรีแลนซ์ ล้วนแต่เพื่อความเจริญก้าวหน้าต่อหน้าที่การงาน การเงิน ทำให้บางครั้งอาจลืมให้ความใส่ใจในสุขภาพ เพียงเพื่อความสำเร็จ เป้าหมายสูงสุดของชีวิต รายได้เพียงพอกับรายจ่าย ซึ่งอาจะส่งผลให้บางคนทำงานหนักเป็นกิจวัตร เป็นนิสัย และก่อให้เกิด Workaholic โรคบ้างาน
Workaholic โรคบ้างาน ภัยเงียบของคนทำงาน ที่มักการชอบแข่งขัน ทะเยอทะยาน จริงจัง และมีจิตใจคิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องงาน ซึ่งโรคบ้างานนั้นก็เหมือนดาบสองคมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี คือ คนกลุ่มนี้จะมีความทะเยอะทะยาน เอาจริงเอาจัง มีความสุขกับการทำงาน และมีจิตใจที่คิดอยู่แต่กับเรื่องงาน มีความมุ่งมั่น ตั้งใจในการทำงาน จึงทำให้งานที่ได้รับมอบหมายมาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วย
ข้อเสีย คือ ความสำเร็จของงานนั้นอาจจะต้องแลกด้วยอะไรหลายอย่าง ความีอิสระ เวลาครอบครัว หรือแม้กระทั่งสุขภาพส่งผลให้มีอาการ ปวดหัว ปวดหลัง ปวดไหล สายตาพร่ามัว จนกลายเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ เช่น โรคออฟฟิศซินโดรม โรคเครียด โรคความดัน โรคหัวใจ เป็นต้น อีกทั้งยังส่งผลในด้านอารมณ์เพราะ คุณจะเครียดทำให้มีอารมณ์เกรี้ยวกราดทั้งกับเพื่อนร่วมงานและกับครอบครัวคุณเอง
ทำอย่างไรจึงจะสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเรา หากคุณรู้ตัวว่าเป็น โรคบ้างาน คุณสามารถรักษาได้ โดยเริ่มจากตัวคุณเองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทำงานแต่พอดี เพียงเท่านี้ความเครียดก็จะค่อยๆ ลดลง เมื่อไหร่ที่รู้สึกเครียดหรือกดดันมากๆ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เปลี่ยนอิริยาบถในการทำงาน พักสัก 10 - 15 นาที แล้วกลับมาลุยงานต่อ เพื่อให้สมองปลอดโปร่ง เส้นประสาทพักและผ่อนคลาย ทำให้สามารถคิดงานได้ผ่านฉลุยอย่างแน่นอน
ทั้งหมดนี้ คือ การทำอะไรที่พอดี ไม่ตึงไปทางใดทางหนึ่ง เปรียบเหมือนการทำงาน ถ้าทำมากจนเกินไปก็อาจส่งผลเสียแก่ตัวคุณเอง ควรรู้จักแบ่งเวลาให้สมดุลเพื่อเพิ่มต้นทุนสุขภาพที่ดี เพียงแค่นี้การทำงานของคุณก็จะมีความสุขอย่างแน่นอน โดยระลึกไว้อยู่เสมอว่า “งาน” ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต ดังนั้น จงเชื่อมั่นในตนเองและมุ่งมั่นในการทำงานอย่างมีความสุข เพราะผลของการทำงานอย่างมีความสุขคือผลงานที่ดีและมีคุณค่าของตัวเราเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น