โครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.)
โครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) วางแผนการดำเนินงานระยะที่ 2 พ.ศ. 2560-2579เร่งพัฒนากำลังคนด้านการวิจัยและพัฒนาให้ประเทศ 12,390 ทุน เน้นพัฒนาใน 3 ยุทธศาสตร์หลักคือ 1.คปก. โลกาภิวัตน์ (RGJ. Globalization) 2.คปก. อาเซียน (RGJ. ASEAN) และ 3.คปก. เพื่อหน่วยงานของรัฐ คาดใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 34,380 ล้านบาท
ศาสตราจารย์ ดร. ประมวล ตั้งบริบูรณ์รัตน์ ผู้อำนวยการโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก
(คปก.) เปิดเผยว่า เพื่อยกระดับประเทศไทยจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางให้เป็นประเทศที่มีรายได้สูง ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการสร้างองค์ความรู้ และนวัตกรรมเป็นของตัวเองให้ได้ ซึ่งนักวิจัยในระดับปริญญาเอกเป็นบุคลากรที่สำคัญอย่างยิ่ง แต่เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยกลับขาดแคลนนักวิจัยระดับปริญญาเอกอย่างรุนแรง ทำให้มีความอ่อนแอด้านการวิจัยและการพัฒนา รวมทั้งมีผลงานวิจัยที่นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ในปี พ.ศ.2539 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้รับมอบหมายให้จัดทำ “โครงการสนับสนุนการผลิตงานวิจัยและนักวิจัยระดับปริญญาเอกให้ทันความต้องการของประเทศใน 25 ปีข้างหน้า; Vision 2020” โดยได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2539 และเริ่มดำเนินการในปีฉลองกาญจนาภิเษกของการครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงได้รับการจัดให้เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ และมีชื่อว่า “โครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.)”
ศาสตราจารย์ ดร.ประมวล กล่าวต่อว่า คปก.เป็นโครงการของรัฐที่ให้ทุนวิจัยระดับปริญญาเอก (Ph.D.Research Fellowship) เพื่อผลิตนักวิจัยระดับปริญญาเอกและผลงานวิจัยที่มีคุณภาพสูงในมหาวิทยาลัยไทยให้ได้มาตรฐานสากล บริหารจัดการโดยสกว. ซึ่งให้ความสำคัญสูงสุดต่อคุณภาพที่เข้มงวดและระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2539 ก่อนเริ่มให้ทุนคปก. ประเทศไทยมีบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาเพียง 2 คนต่อประชากร 10,000 คน แต่ปัจจุบันประเทศไทยมีบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาประมาณ 10.5 คนต่อประชากร 10,000 คน
อย่างไรก็ตามเพื่อให้การพัฒนากำลังคนด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของโลก คปก.จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ ในระยะ 20 ปี ข้างหน้า (พ.ศ. 2560-2579) คปก. จะเป็นโครงการที่ผลิตนักวิจัยระดับปริญญาเอกและผลงานวิจัยระดับปริญญาเอกในประเทศที่มีปริมาณ/คุณภาพสูงสุด มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนงานวิจัยที่มีเป้าหมายต่อการพัฒนาประเทศ โดยให้ความสำคัญกับโจทย์วิจัยที่ช่วยแก้ปัญหาหรือมีความเชื่อมโยงกับปัญหาของประเทศในทุกด้าน องค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ที่เป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศ หรือนวัตกรรมซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาที่สำคัญในการต่อยอดสู่การใช้เชิงพาณิชย์ของภาคอุตสาหกรรม ผลงานวิจัยต้องสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมได้โดยตรง และ/หรือสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดเพื่อใช้ประโยชน์ได้
ศาสตราจารย์ ดร.ประมวล กล่าวต่อว่า เพื่อให้ทุน คปก.เป็นที่ยอมรับในมาตรฐานและเป็นที่ต้องการของนานาอารยประเทศโดยเฉพาะประเทศในอาเซียน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในเวทีโลกผ่านการศึกษา/การวิจัย อันนำไปสู่การพัฒนาระบบการศึกษา สังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทยได้นั้น คปก.ได้วางแผนการดำเนินงานโครงการระยะที่ 2 ออกเป็น 3 ยุทธศาสตร์ ดังนี้
ยุทธศาสตร์ที่ 1 : คปก. โลกาภิวัตน์ (RGJ. Globalization) มุ่งผลิตบุคลากรระดับปริญญาเอกในสาขาวิชาใหม่ๆ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และ/หรือสาขาที่ยังขาดแคลน เพื่อวางรากฐานให้ประเทศมีความมั่นคงเชิงวิชาการ มีบุคลากรคุณภาพสูงในด้านที่ประเทศต้องการ ในจำนวนที่มากพอที่จะขับเคลื่อนและพร้อมต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในยุคโลกาภิวัตน์ด้วยมาตรการเชิงรุก
ยุทธศาสตร์ที่ 2 : คปก. อาเซียน (RGJ. ASEAN) ใช้รูปแบบการให้ทุนของ คปก. ดำเนินการร่วมกับประเทศอาเซียนและประเทศนอกอาเซียนที่มี host university ในการผลิตบุคลากรระดับปริญญาเอกในประเทศไทยให้แก่ภูมิภาคอาเซียน โดยมหาวิทยาลัยไทยร่วมกับประเทศต้นทางคัดเลือกนักศึกษาที่มีคุณภาพสูง โดยอาจให้รับทุนบางส่วนจากประเทศนั้นๆ หรือมหาวิทยาลัยไทย เข้าศึกษาวิจัยในมหาวิทยาลัยไทย มีอาจารย์ที่ปรึกษาไทยรับทุน คปก. แล้วมีนักศึกษาอาเซียนเป็นผู้ช่วยวิจัย
ยุทธศาสตร์ที่ 3 : คปก. เพื่อหน่วยงานของรัฐผลิตและพัฒนาบุคลากรระดับปริญญาเอก ให้กับหน่วยงานของรัฐ/รัฐวิสาหกิจ ที่ไม่ใช่มหาวิทยาลัย เพื่อยกระดับคุณภาพกำลังคนและพัฒนางานวิจัยในหน่วยงานฯ โดยใช้โจทย์วิจัยที่ตอบสนองต่อภารกิจ/ยุทธศาสตร์ของหน่วยงาน ด้วยกลไกที่มีมาตรฐานของ คปก.
โดยแผนการให้ทุนทั้งหมดสำหรับโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษกระยะที่ 2 พ.ศ. 2560-2579 จะมีจำนวนทุนทั้งหมด 12,390 ทุน และตลอดโครงการ ระยะเวลา 20 ปี จะใช้งบประมาณรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 34,380 ล้านบาท
/////////////////////////////////////////////
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น