ลูกค้าตอบรับแรง ยืนยันถึงความเร็วของโครงสร้างแบบสไปลน์ และ ศักยภาพเหนือชั้นของระบบปฏิบัติการArista EOS
อริสต้า เน็ตเวิร์กส์ ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์โมดูลใหม่รุ่นความเร็ว 100 กิกะบิต ที่มาพร้อมArista EOS ที่ให้ความสามารถในการขยายระบบได้สูง รองรับผู้ใช้ได้หลายช่องทางพร้อมๆ กัน โดยใช้เทคโนโลยีเครือข่ายเสมือน (Virtualization) ที่เป็นระบบเปิด เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนการใช้งานโปรแกรมแบบซ้อนได้ (Programmable Overlays) ช่วยให้ลูกค้าใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการทำงานที่มีเวิร์กโหลดสูง รวมทั้งการทำงานแบบ VM Mobility ได้อย่างราบรื่น ทั้งนี้ความสามารถด้านการเตรียมความพร้อมในการทำงานล่วงหน้าได้แบบอัตโนมัติที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น รองรับการขยายระบบขนาดใหญ่ และปริมาณความต้องการพอร์ตเชื่อมต่อที่มาก ซึ่งเป็นความต้องการของระบบเครือข่ายคลาวด์ (Cloud Network) ในการใช้งานให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น สามารถขยายศักยภาพระบบงานเพื่อรองรับเครือข่ายคลาวด์ (Cloud Network) ที่ต้องใช้ทรัพยากรในการทำงานมาก นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์รุ่น 7300Xที่มาพร้อมพอร์ต 10GBASE-T ยังทำให้ลูกค้าสามารถปรับการใช้งานระบบโดยใช้ระบบเครือข่ายทั้งแบบระดับเดียว (single tier) และสองระดับ (two tier) เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าเรื่องค่าใช้จ่ายโดยรวมมากขึ้น
ไลน์ การ์ด แบบใหม่นับเป็นการขยายฐานสายผลิตภัณฑ์รุ่นความเร็ว 100 กิกะบิตที่ให้ประสิทธิภาพสูงในการเชื่อมต่อเครือข่ายได้คุ้มค่าใช้จ่าย โดยไลน์ การ์ด Arista 7500E รุ่นความเร็ว100 กิกะบิต สามารถทำงานสนับสนุนมาตรฐาน IEEE 100GbE ได้อย่างเต็มรูปแบบบนเครือข่ายไฟเบอร์ทั้งขนิดโหมดเดียว และชนิดหลายโหมด และยังขยายทางเลือกเพิ่มเติมเพื่อรองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์สวิทช์ 10/40/100G เพื่อเป็นการปกป้องการลงทุนสำหรับลูกค้าปัจจุบันที่ใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวอยู่ Arista 7500E 100GbE บนเครือข่ายแบบสไปล์น(Spine Layer) ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานระบบเครือข่ายเสมือน ที่ใช้เทคโนโลยี VXLAN ที่เป็นแพลตฟอร์มแบบโมดูล เพื่อปรับการใช้งานเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีผู้ใช้หลายคน และใช้แบนด์วิธสูงได้ นอกจากนี้ ผู้ที่ใช้ฟีเจอร์ Arista DANZ บนระบบปฏิบัติการ Arista EOS ยังสามารถมองเห็นทราฟฟิกบนเครือข่ายความเร็ว 100 กิกะบิต ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ Tap Aggregation บนแพลตฟอร์มของ Arista 7500E ทั้งนี้โซลูชันด้านการวิเคราะห์ข้อมูลของอริสต้า (Data Analysis DANZ)ยังได้ขยายเพื่อรองรับการใช้อุปกรณ์แบบแชสซีส์ และช่วยให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อการทำงานบนเครือข่ายแบบ Spline หรือSpine และยังรวมการเชื่อมต่อสัญญาณ 10 กิกะบิตไปยังอัพลิงค์100 กิกะบิตเพื่อการตรวจสอบ บริหารจัดการ ผ่านเครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆ
“เราเลือกใช้แพลตฟอร์ม Arista 7500E สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ของเรา เพื่อให้บริการอีเธอร์เน็ตความเร็ว 100 กิกะบิต แก่ลูกค้าได้ตามจริง” ไอแฮบ ทาราซี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Equinixกล่าว “และด้วยเหตุผลของความเป็นสถาปัตยกรรมระบบเปิด ที่มีการเชื่อมต่อกับคลาวด์ รวมถึง VXLAN และความสามารถในการเปลี่ยนแปลงการใช้งานโปรแกรมของ Arista EOS พร้อมโหมดความเร็วแบบหลายระดับ จึงทำให้เราสามารถจัดสรรทรัพยากรบนดาต้าเซ็นเตอร์ได้ที่ความเร็ว 10/40 หรือ 100 กิกะบิต ได้อย่างคุ้มค่าใช้จ่ายและให้ความน่าเชื่อถือ
เครือข่าย สไปล์น ให้ความสามารถในการปรับเปลี่ยนตามการทำงานของซอฟต์แวร์
Arista 7300 มาพร้อมพอร์ตเครือข่ายแบบ 10GBASE-T ที่ใช้พลังงานต่อพอร์ตต่ำกว่าพอร์ตคลาสสิครุ่น 10/100/1000 จึงช่วยให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนระบบเดิมที่เป็นแพลตฟอร์มแบบโมดูลไปสู่ระบบใหม่โดยแทบไม่กระทบกับโครงสร้างระบบเคเบิลของเดิมที่มีอยู่
“เมื่อเราตัดสินใจว่าจะย้ายดาต้าเซ็นเตอร์ เราได้มีการประเมินอุปกรณ์กระจายสัญญาณหลัก (Core IP Switches) โดยดูเรื่องของประสิทธิภาพ การใช้พลังงาน และคุณค่าด้านอื่นๆ” โกแลน เบน-โอนิ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัย และรองประธานอาวุโสฝ่ายสถาปัตยกรรมเครือข่ายของ IDT Corporation กล่าว “สวิทช์ Arista 7308 และระบบปฏิบัติการArista EOS สามารถตอบโจทย์ดังกล่าว โดยให้ความสามารถครอบคลุมทุกแง่มุมการทำงานบนเครือข่าย อริสต้าเป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมและเราวางใจในประสิทธิภาพและความสามารถที่ได้รับ
ลูกค้าที่กำลังสร้างเครือข่ายแบบ สไปล์น (Spline Networks)หรือที่กำลังยุบรวมเครือข่ายสไปน์แบบสองลำดับชั้น (Two-tier leaf-spine network) ปัจจุบันจะได้รับข้อได้เปรียบอย่างเต็มที่จากผลิตภัณฑ์ line card ที่มีการเปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤจิกายนปี2556 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ การสร้างเครือข่ายแบบสไปล์น ช่วยให้ลูกค้าสามารถยุบรวมการทำงานในหลายระดับชั้นให้เหลือเพียงเครือข่ายแบบชั้นเดียว โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดความล่าช้าจากการตอบสนองของแอพพลิเคชันที่อยู่บนคลาวด์ได้ ซึ่งการออกแบบเครือข่ายเหล่านี้ ใช้พื้นฐานของ Arista EOS ที่ให้ความเป็นระบบเปิด สามารถขยายการทำงาน และให้ความสามารถในการปรับเปลี่ยนตามการทำงานของซอฟต์แวร์ได้ จึงช่วยให้สามารถบริหารจัดการการเชื่อมต่อคลาวด์เข้ากับระบบเสมือนได้ในระดับของซอฟต์แวร์ ให้ความสามารถในการทำงานร่วมกัน และให้ความสามารถในการมองเห็นแอพพลิเคชันที่ใช้งานได้
การใช้ระบบปฏิบัติการที่ฉลาดอย่าง Arista EOS Smart System Upgrade (SSU)
ปัจจุบัน Arista SSU สามารถตอบโจทย์เรื่องการบูรณาการระบบโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในงานที่ซับซ้อนและท้าทายมากที่สุด ที่ผู้ดูแลดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งหลายต้องประสบ ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถบูรณาการองค์ประกอบใดก็ตามในระบบโครงสร้างพื้นฐานได้ โดยที่ไม่ส่งผลกระทบในแง่ลบต่อทราฟฟิกของแอพพลิเคชัน
“สำหรับ Tri-State Generation and Transmission Association, Inc แล้ว เครือข่ายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการดูแลการบริการแก่ลูกค้า” สตีฟ เวสลิง ผู้จัดการเครือข่าย และฝ่ายปฏิบัติการเครือข่าย กล่าว “แพลตฟอร์ม Arista 7300 และระบบปฏิบัติการ Arista EOS ทำให้เราสามารถกำหนดการทำงานของเครือข่ายเราได้ในแบบอัตโนมัติ ทำให้มั่นใจเรื่องความพร้อมของเครือข่ายและการทำงานที่ต่อเนื่อง ในขณะที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน”
Arista 7300X ช่วยประหยัดต้นทุนกว่าการใช้อุปกรณ์ Catalyst 6500 แบบเดิม และลดข้อจำกัดในการออกแบบเพื่อรองรับการทำงานแบบสองลำดับชั้นในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ อริสต้า ยังมีโปรแกรมแลกซื้อ ที่ช่วยให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของความสามารถเครือข่ายที่สามารถบริหารจัดการได้ในระดับของซอฟต์แวร์(SDN) ของผลิตภัณฑ์ 7300X โดยย้ายจากระบบโมดูลแบบดั้งเดิมได้อย่างราบรื่น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ apac-sales@aristanetworks.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น